หากคุณตื่นมาพร้อมอาการจาม น้ำมูกไหล หรือคันตาทุกเช้า? สิ่งที่คุณอาจมองข้ามคือ “ไรฝุ่น” หรือ แมลงขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งอาศัยอยู่ในที่นอนของคุณนับล้านตัว ไรฝุ่นจะกินเซลล์ผิวหนังที่หลุดลอกเป็นอาหาร และกลายเป็นสารก่อภูมิแพ้ โดย ไรฝุ่นหนึ่งตัวสามารถวางไข่ได้ถึง 300 ฟอง และเติบโตเต็มวัยภายในเพียง 3 สัปดาห์ ทำให้ประชากรไรฝุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าการนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพที่ดี แต่หากคุณนอนบนที่นอนที่เต็มไปด้วยไรฝุ่น คุณกำลังสูดดมสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายทุกลมหายใจตลอด 7-8 ชั่วโมงที่นอนหลับ ส่งผลให้สุขภาพและคุณภาพชีวิตแย่ลงอย่างต่อเนื่อง แล้วเราจะจัดการกับศัตรูตัวจิ๋วนี้อย่างไร? คำตอบอยู่ในบทความนี้

Table of Contents

5 เหตุผลที่ต้องซักฟูกที่นอนเป็นประจำ

ไรฝุ่นเป็นแมลงขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่กลับเป็นสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้และปัญหาทางเดินหายใจ ที่นอนเป็นสถานที่ที่ไรฝุ่นเติบโตได้ดี เนื่องจากมีการสะสมของเซลล์ผิวหนังและความชื้น ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับไรฝุ่น ยิ่งใช้ที่นอนนานเท่าไร ไรฝุ่นก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นเท่านั้น นอกจากไรฝุ่นแล้ว ที่นอนยังเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกอื่นๆ อีกด้วย ได้แก่

1. กำจัดไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้

ฟูกที่นอนเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น, ละอองเกสร, เชื้อรา และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้และโรคทางเดินหายใจ

2. ลดการสะสมของคราบเหงื่อและสิ่งสกปรก

ในแต่ละคืน ร่างกายของเราปล่อยเหงื่อ น้ำมัน เซลล์ผิวหนังที่หลุดร่วง รวมถึงของเหลวอื่น ๆ ออกมาซึมลงไปในที่นอนและก่อให้เกิดกลิ่นอับและคราบฝังลึก จนกลายเป็นแหล่งอาหารของไรฝุ่นและเชื้อโรค 

3. ช่วยกำจัดกลิ่นอับและทำให้นอนหลับสบายขึ้น

ฟูกที่นอนที่สะอาดช่วยให้ห้องนอนมีกลิ่นสดชื่นและสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับ

4. ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย

ความชื้นจากเหงื่อและอุณหภูมิในห้องอาจทำให้เชื้อราหรือแบคทีเรียเติบโตในฟูกได้ การทำความสะอาดเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงนี้

5. ยืดอายุการใช้งานของฟูกที่นอน

การดูแลและทำความสะอาดฟูกที่นอนช่วยให้วัสดุภายในเสื่อมสภาพช้าลง ทำให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น

ประโยชน์ของการซักฟูกที่นอนเป็นประจำ

การซักฟูกที่นอนเป็นประจำไม่เพียงแต่ช่วยให้สะอาดขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดสารก่อภูมิแพ้ และช่วยให้การนอนมีคุณภาพมากขึ้น มาดู 4 ประโยชน์ของการซักฟูกที่นอนกัน

  1. ลดความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้และปัญหาทางเดินหายใจ การกำจัดไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ช่วยลดอาการของโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด และปัญหาทางเดินหายใจอื่นๆ
  2. กำจัดกลิ่นอับได้เพราะเนื่องจากที่นอนที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดจะมีกลิ่นอับ ซึ่งส่งผลต่อสุขอนามัยและคุณภาพการนอน การซักที่นอนช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  3. ยืดอายุการใช้งานของที่นอนได้จากการดูแลรักษาที่นอนอย่างถูกวิธีช่วยให้ที่นอนมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อที่นอนใหม่
  4. การนอนบนที่นอนที่สะอาดช่วยส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับที่ดี ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

อันตรายจากไรฝุ่นที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ

อาการแพ้ไรฝุ่นมักแสดงออกในหลายรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง ผู้ที่แพ้ไรฝุ่นมักมีอาการจามติดต่อกันหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือเมื่อสัมผัสกับที่นอนและหมอน นอกจากนี้ยังพบอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ทำให้หายใจทางจมูกลำบาก ส่งผลให้ต้องหายใจทางปาก ซึ่งอาจนำไปสู่อาการคอแห้ง ระคายเคืองคอได้ ในกรณีที่รุนแรง ผู้ป่วยอาจมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย หรือมีเสียงวี้ดในทรวงอก บางรายอาจพบอาการผื่นคันตามผิวหนัง ผื่นลมพิษ หรือเกิดอาการคันตามร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับเตียงหรือที่นอนที่มีไรฝุ่นอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และผลจะหนักยิ่งขึ้นหากคุณคือผู้มีอาการจากโรคเรื้อรัง

ควรซักฟูกที่นอนบ่อยแค่ไหน?

การรักษาความสะอาดของที่นอนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและสุขอนามัยที่ดี ความถี่ที่เหมาะสมในการซักที่นอนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อม การใช้งาน และอาการแพ้ของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ซักฟูกที่นอนอย่างน้อยทุก 3-6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง แต่อาจต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้นหากมีปัจจัยเฉพาะเพิ่มเติม

  • ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน : ควรซักทุก 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากสัมผัสกับร่างกายโดยตรงและสะสมเหงื่อ น้ำมันจากผิวหนัง และเซลล์ผิวที่หลุดลอกได้ง่าย
  • ผ้านวม ผ้าห่ม : ควรซักทุก 1-3 เดือน เพื่อกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสม
  • ฟูกที่นอน : ควรทำความสะอาดทุก 3-6 เดือน โดยการดูดฝุ่นอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง และซักทำความสะอาดลึกตามระยะเวลาที่เหมาะสม

3 ปัจจัยที่ต้องซักซักฟูกที่นอนบ่อยยิ่งขึ้น

  1. ผู้เป็นภูมิแพ้ : ผู้ที่มีอาการแพ้ไรฝุ่นหควรทำความสะอาดที่นอนบ่อยกว่าปกติ เพื่อลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้
  2. มีสัตว์เลี้ยง : บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ขึ้นมาบนเตียง ควรทำความสะอาดที่นอนบ่อยขึ้นเพื่อกำจัดขนสัตว์และสิ่งสกปรก

สภาพอากาศ : พื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้นอาจต้องการการทำความสะอาดบ่อยขึ้น เนื่องจากความชื้นเป็นปัจจัยที่ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตได้ดี

วิธีซักฟูกที่นอนด้วยตัวเองอย่างถูกต้อง

เราใช้เวลานอนบนที่นอนเฉลี่ยวันละ 7-8 ชั่วโมง ฟูกที่นอนเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น ไรฝุ่น เชื้อรา เหงื่อ และคราบสกปรกต่างๆ การทำความสะอาดฟูกที่นอนอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยรักษาสุขอนามัยและยืดอายุการใช้งานของที่นอนได้อย่างมาก และเราควรทำความสะอาดที่นอนอย่างน้อยทุก 6 เดือน หรือทุก 3 เดือนสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้หรือโรคภูมิแพ้ และควรพลิกที่นอนทุก 3-6 เดือนเพื่อให้ที่นอนสึกหรออย่างสม่ำเสมอและยืดอายุการใช้งาน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบนเตียงเพื่อลดโอกาสการเกิดคราบและแมลง

ขั้นตอนการทำความสะอาดฟูกที่นอน

  1. เตรียมที่นอน : เริ่มต้นด้วยการถอดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และเครื่องนอนทั้งหมดออกจากเตียง นำไปซักตามคำแนะนำบนฉลาก การซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนควรทำด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไรฝุ่น สำหรับผ้านวม อาจซักเองหรือส่งร้านซักแห้งตามความเหมาะสมของวัสดุ
  2. ดูดฝุ่น : ใช้เครื่องดูดฝุ่น (แนะนำที่มีระบบ HEPA) ดูดฝุ่นบนที่นอนให้ทั่วทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อและตะเข็บต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและไรฝุ่น ควรดูดทั้งด้านบน ด้านข้าง และหากเป็นไปได้ ให้พลิกที่นอนเพื่อดูดฝุ่นอีกด้านด้วย
  3. ใช้เตารีดไอน้ำฆ่าเชื้อเพิ่มเติม : ให้ทำความสะอาดเพิ่มเติมโดยใช้เตารีดไอน้ำ ให้ถือเตารีดไอน้ำห่างจากผิวที่นอนประมาณ 15-20 เซนติเมตร แล้วค่อยๆ เคลื่อนไปรอบๆ ที่นอนอย่างช้าๆ ให้ไอน้ำแทรกซึมเข้าไปในเนื้อที่นอน เน้นบริเวณที่มีคราบหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ ระวังไม่ให้ฉีดไอน้ำนานเกินไปในบริเวณเดียว เพราะอาจทำให้ที่นอนเปียกมากเกินไป ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาเชื้อราได้ หลังจากรีดไอน้ำเสร็จแล้ว ควรทิ้งที่นอนให้แห้งสนิทก่อนปูผ้าปูที่นอน โดยเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทหรือเปิดพัดลมช่วยเร่งการระเหยของความชื้น
  4. ตากแดดและระบายอากาศ : การตากที่นอนให้ถูกแสงแดดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไรฝุ่นตามธรรมชาติ นำที่นอนไปตากในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงและมีอากาศถ่ายเท หากไม่สามารถนำออกไปตากภายนอกได้ ให้เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทและแสงแดดส่องเข้ามา ควรตากทั้งสองด้านของที่นอนเพื่อให้แห้งสนิททั่วทั้งผืน

อยากให้สะอาดกว่าเดิมใช้บริการกำจัดไรฝุ่นโดยมืออาชีพ

มีหลายเหตุผลที่เราจำเป็นต้องใช้บริการกำจัดไรฝุ่นโดยมืออาชีพ เพราะเนื่องจากการดูดฝุ่นปกติด้วยตนเองไม่เพียงพอที่จะกำจัดไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ที่ฝังลึกในเส้นใยของที่นอน พรม และเฟอร์นิเจอร์ ออกได้ทั้งหมด 100% เครื่องดูดฝุ่นในครัวเรือนส่วนใหญ่มีกำลังดูดและระบบกรองที่จำกัด ทำให้ไม่สามารถดูดเอาไรฝุ่น ไข่ไรฝุ่น รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ (เช่น ขี้ไรฝุ่นและเศษผิวหนัง) ที่ฝังลึกในเนื้อผ้า ผู้เชี่ยวชาญมีเครื่องมือพิเศษที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป และมีขบวนการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่า แม้ค่าบริการอาจสูงกว่าการทำความสะอาดเองเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับค่ารักษาพยาบาลและคุณภาพชีวิตที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

ใช้บริการซักที่นอนและกำจัดไรฝุ่นของ NCS

หากคุณกำลังบริษัทที่ให้บริการกำจัดไรฝุ่นบนที่นอนโดยมืออาชีพ เรามอบประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่เหนือระดับด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยจากสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี ที่ใช้เครื่องมือดูดไรฝุ่นประสิทธิภาพสูงสามารถกำจัดไรฝุ่นได้ถึงชั้นในของที่นอน พร้อมเทคโนโลยีฆ่าเชื้อด้วยรังสี และระบบอบแห้งที่ช่วยป้องกันการกลับมาของไรฝุ่น และไม่ทำลายเนื้อผ้า พร้อมด้วยความมั่นใจจากการรับประกันคุณภาพที่หากไม่พึงพอใจ เรายินดีกลับไปทำความสะอาดใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นบริการเดียวในประเทศไทยที่กล้ารับประกันผลลัพธ์อย่างเต็มที่ “หากไม่พึงพอใจ ยินดีกลับเข้าไปทำใหม่ให้ฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่าย!”

บทความอื่นๆ

วิธีทำความสะอาดผ้าม่านแบบไม่ต้องถอด

ทำความสะอาดม่านเองอย่างไร? มาดูวิธีซักทำความสะอาดผ้าม่านแบบไม่ต้องถอด

จะทำความสะอาดม่านทีนึงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องถอดไปซักที่ร้าน เราผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย จนฝุ่นจับหนาจนจามไม่หยุด และ